อันตรายจากไฟฟ้าและการป้องกันการใช้ประโยชน์จากไฟฟ้าต้องใช้อย่างระมัดระวัง ต้องเรียนรู้การใช้ที่ถูกต้อง ต้องรู้วิธีการป้องกันที่ถูกต้อง อันตรายจากไฟฟ้า มิใช่เกิดจากการใช้ไฟฟ้าอย่างเดียว การทำงานหรือเดินผ่านบริเวณที่มีพลังงานไฟฟ้าย่อมมีอันตรายแฝงอยู่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีคุณภาพและใช้อย่างถูกวิธีเป็นการช่วยลดอันตรายจากไฟฟ้าได้
อันตรายจากไฟฟ้า พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานที่สามารถก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินได้ อันตรายที่คนทั่วไปได้ยินได้ฟังมี 2 สาเหตุใหญ่ คือ ไฟฟ้าซอร์ท และไฟฟ้าดูด ทั้งสองกรณี มีสาเหตุการเกิดที่ ต่างกัน และอันตรายที่ได้รับก็แตกต่างกัน การลัดวงจรของไฟฟ้ามีมากมายหลายสาเหตุ สาเหตุหลักเกิดจากการใช้ไฟฟ้าที่ไม่ถูกต้อง การติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า ไม่ได้มาตรฐาน ปรากฏการณ์ที่พบได้บ่อย คือ ลักษณะการลัดวงจร ไฟฟ้าลัดวงจรเกิดขึ้นได้ ทั้งในระบบไฟฟ้าแรงสูงและระบบไฟฟ้าแรงดันต่ำ ลักษณะการเกิดและความเสียหาย ก็จะมีความแตกต่างกัน คือ ผลของไฟฟ้าชอร์ต ในกรณีที่กระแสไหลใน สายไฟฟ้าหรือเครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าสูง จะทำให้ความร้อนเกิดขึ้นใน สายตัวนำ หลายครั้ง จะทำให้เกิดการหลอมละลายของฉนวนไฟฟ้าและส่งผลให้สายตัวนำไฟฟ้าสัมผัส กันเกิดเป็นประกายไฟฟ้า และทำให้ฉนวน ที่หลอมละลายลุกไหม้ขึ้นมา ส่วนสายตัวนำที่สัมผัสหรือลัดวงจรกันนั้นก็จะเกิดการสะบัดตัว กระจายเปลวไฟที่กำลังลุก ไหม้ขยายวงออกไป หากมีวัสดุติดไฟอยู่ในบริเวณนั้นก็เสริมให้การลุกไหม้รุนแรงในกรณีหากเกิด ขึ้นในบริเวณ ของโรงพยาบาล ที่เป็นโซนก๊าซติดไฟ อาจจะทำให้เกิดการระเบิดขึ้นได้ แนวทางการป้องกัน คือ จะต้องป้องกันไม่ให้เกิดการลัดวงจร โดยการ ดูแลเครื่องใช้และ อุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟฟ้านั้นต้องมีการตรวจสอบสม่ำเสมอ หากตรวจสอบความร้อนขณะที่มีการใช้ แนวทางป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรในอาคาร(1) เลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม (เป็นฟิวส์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์) เมื่อฟิวส์ขาดต้อง ใช้ขนาดเดิมไม่ควรใช้ ขนาดที่ใหญ่ขึ้น หรือดัดแปลงใช้วัสดุตัวนำอื่นมาทดแทน 2. ไฟฟ้าดูด(Electric Shock) เป็น ภาวะที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายมีผลทำให้กล้ามเนื้อเกิดการเกร็ง จนไม่สามารถสะบัดให้หลุดได้ ปริมาณของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านร่างกายทำให้เสียชีวิต หรือพิการไฟฟ้าดูดในบางกรณี เป็นการดูดที่ผู้ประสบเหตุไม่ได้สัมผัสกับไฟฟ้าโดยตรงก็ได้ เช่นจับตัว ผู้สัมผัสไฟฟ้า หรือใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าใต้แนวไฟฟ้า แรงสูงก็เคยมีกรณีให้เป็นตัวอย่างมาแล้ว ปกติพื้นดินเป็นส่วนหนึ่งของวงจรไฟฟ้า มีแรงดันทางไฟฟ้าเป็นศูนย์ ดังนั้น เมื่อเราสัมผัส ส่วนใดใดที่มีแรงดันไฟฟ้าขณะที่ร่างกายยืนอยู่บนพื้นดิน กระแสไฟฟ้าก็จะไหลผ่านร่างกายลงดินครบ ผลของไฟฟ้าดูดต่อร่างกายมนุษย์ อันตรายจากไฟฟ้าดูด มีผลต่อมนุษย์แตกต่างกันไปตามขนาดกระแสไฟฟ้าและสุขภาพร่าง กายของบุคคล ตามที่ ได้มีการศึกษาวิเคราะห์ผลของกระแสไฟฟ้าที่มีต่อร่างกายมนุษย์โดยใช้ค่า เฉลี่ยค่าที่ได้แตกต่างกันออกไปตามมาตรฐาน จากการทดสอบตัวอย่างผลของกระแสไฟฟ้าที่มีต่อร่างกายมนุษย์เป็นค่าที่ไม่ จำกัดเวลาที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกาย (ไม่ได้ใช้เวลาเป็นตัวแปรในการทดลอง) เป็นไปตามตารางที่ 1
ปัจจัยความรุนแรงของไฟฟ้าดูด เมื่อบุคคลถูกไฟฟ้าดูด กระไฟฟ้าที่ไหลผ่านร่างกาย เป็นปัจจัยหนึ่งของอันตราย เท่านั้นความจริงแล้วตัวแปรที่สำคัญ ที่มีผลต่อความรุนแรง มี 3 อย่าง คือ ไฟฟ้าดูดป้องกันได้ หลักพื้นฐานของการป้องกัน อันตรายจากไฟฟ้าดูด คือการไม่ไปสัมผัสส่วนที่มีไฟฟ้า สำหรับผู้ที่มีความรู้ทางไฟฟ้า ก็จะมีต้องมีวิธีการ และใช้อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสมในการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า เมื่อเรามีความจำเป็นต้องสัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้า จะต้องมีวิธีการป้องกันไม่ให้ไปสัมผัส ขณะที่เปลือกของเครื่องใช้ไฟฟ้ามีไฟอยู่ การป้องกันที่ดี คือ การมีระบบสายดิน หรือเรียก ว่าการต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าลงดิน แต่ที่สำคัญคือการต่อลงดินต้องทำอย่างถูกต้องโดยผู้ที่มีความรู้จริงเท่า นั้นจึงจะได้ผล เครื่องใช้ ไฟฟ้าที่มีการต่อลงดินไว้แล้ว เมื่อเกิดไฟฟ้ารั่วเครื่องป้องกันกระแสเกิน(ฟิวส์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์)จะ ทำงาน ตัดเครื่องใช้ ไฟฟ้า ออกจากวงจร ที่โครงโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้าก็จะไม่มีไฟฟ้า การใช้เครื่องตัดไฟรั่ว จะสามารถป้องกันอันตราย จากไฟฟ้าดูดได้เช่นกัน แต่ในการใช้งานต้องมั่นใจว่าเครื่องตัดไฟรั่วทำงานเป็นปกติตามที่ได้ออกแบบ ไว้ เนื่องจาก เครื่องตัดไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าเช่นเดียวกันย่อมต้องมีการขัดข้องชำรุด เกิดขึ้นได้เช่นกัน จึงต้องมีการตรวจสอบ และทดสอบตามระยะเวลา หรือตามข้อกำหนดที่ผู้ผลิตระบุ เครื่องตัดไฟรั่วจึงเป็นเพียงอุปกรณ์เสริม เท่านั้น ในการติดตั้ง ใช้งาน จึงต้องติดตั้งระบบสายดินให้กับตัวมันด้วย ไฟฟ้าแรงสูง เมื่อเข้าใกล้ก็อาจเกิดอันตรายได้ โดยที่ยังไม่ต้องสัมผัส ผู้ที่ต้องทำงาน กับไฟฟ้าแรงสูง การทำงานต้องห่างจากสายไฟฟ้าเท่าไรจึงปลอดภัย
|
แรงดันไฟฟ้า (กิโลโวลต์) |
ระยะห่าง (เมตร) |
แรงต่ำ |
2.40 |
12 |
2.40 |
24 |
3.00 |
69 |
3.30 |
115 |
3.90 |
230 |
5.30 |
ในทางปฎิบัติ สายไฟฟ้าสำหรับระบบแรงดัน 12 กิโลโวลต์ และ24 กิโลโวลต์ มีโครงสร้างของการก่อสร้างเหมือนกันจึงเป็นการยากที่จะแยกแยะว่าเป็นระบบ แรงดันเท่าไรแน่ เพื่อความปลอดภัยจึงอาจใช้ตัวเลขของระบบแรงดัน 24กิโลโวลต์ เลยก็ได้ แต่ถ้าเราทราบระบบแรงดันที่แน่นอน ซึ่งอาจติดต่อสอบถามได้จากการไฟฟ้า ก็จะสามารถลดระยะห่างลงได้ โดยเฉพาะบริเวณที่มีพื้นที่แคบ
2. ปั่นจั่นชนิดติดตั้งกับตัวรถ ระยะห่างจากสายไฟฟ้าที่ระดับแรงดันต่างๆต้องไม่น้อยกว่าที่กำหนด คือ
แรงดันไฟฟ้า (กิโลโวลต์) |
ระยะห่าง (เมตร) |
แรงต่ำ |
3.00 |
12 และ 24 |
3.00 |
69 |
3.20 |
115 |
3.65 |
230 |
4.80 |
3. ปั่นจั่นชนิดติดตั้งบนพื้น ระยะห่างจากสายไฟฟ้าที่ระดับแรงดันต่างๆ ต้องไม่ต่ำกว่าที่กำหนดต่อไปนี้ โดยมีข้อกำหนดเพิ่มเติมว่าปั่นจั่นจะต้องไม่มีการขนส่งวัสดุขณะที่ทำการ เคลื่อนที่เพื่อย้ายตำแหน่งการติดตั้ง ระยะของปั่นจั่นชนิดติดตั้งบนพื้นมีดังนี้
แรงดันไฟฟ้า(กิโลโวลต์) |
ระยะห่าง(เมตร) |
แรงต่ำ |
1.25 |
12 และ 24 |
1.25 |
69 |
3.00 |
115 |
3.00 |
230 |
3.00 |
4. ระยะห่างจากอาคาร ระยะห่างนี้จะใช้สำหรับเป็นระยะห่างระหว่างสายไฟฟ้ากับอาคารที่ก่อสร้าง เสร็จแล้ว การทำงานใกล้สายไฟฟ้าถึงแม้จะอยู่ในระยะห่างตามที่กำหนด ในมาตรฐานแล้วก็ตาม ก็อาจจะเกิดอันตรายได้จากการพลั้งเผลอ หรือเหตุสุดวิสัยในสถานที่หรือสภาพการทำงานที่มีโอกาสเกิดอันตรายได้ควร ป้องกันไว้ก่อนด้วย ระยะห่างสายไฟฟ้ากับอาคารที่สร้างเสร็จแล้วมีดังนี้
แรงดันไฟฟ้า (กิโลโวลต์) |
ระยะห่างจากอาคาร (เมตร) |
ระยะห่างจากป้ายโฆษณา (เมตร) |
12 และ 24 |
1.80 |
1.80 |
69 |
2.13 |
1.80 |
115 |
2.30 |
2.30 |
การหุ้มสายไฟฟ้าชั่วคราวซึ่งสามารถทำได้โดยการติดต่อการไฟฟ้าฯ ให้ช่วยดำเนินการให้ กรณีที่ไม่สามารถรักษาระยะห่างให้เป็นไปตามที่กำหนดได้ อาจมีความจำเป็นต้องดับไฟฟ้าย้ายเสาสายไฟฟ้าลักษณะนี้ต้องติดต่อการไฟฟ้าฯ เป็นแต่ละกรณีไปซึ่งการไฟฟ้าฯ จะพิจารณาดำเนินการให้ตามที่เห็นว่าเหมาะสม
การสังเกตค่าระดับแรงดันไฟฟ้า
ในระะบบไฟฟ้าที่เป็น ระบบสายอากาศโครงสร้างสำหรับไฟฟ้าที่ระดับแรงดันต่างๆ จะแตกต่างกันออกไปสามารถสังเกตได้ไม่ยาก มีเพียงระดับแรงดัน 12 กิโลโวลต์ กับ 24 กิโลโวลต์ เท่านั้นที่แยกข้อแตกต่างได้ยากในทางปฎิบัติ สำหรับระยะห่างที่ไม่เท่ากันจะใช้ค่าที่ระดับแรงดัน 24 กิโลโวลต์ หลักการสังเกตจะดูจากลูกถ้วยฉนวนที่ใช้รองรับสายไฟฟ้า เช่น ลูกถ้วยสำหรับแรงดัน 12 และ 24 กิโลโวลต์ จะเป็นลูกถ้วยชนิดก้านตรง คือจะเป็นลูกถ้วยมีก้านเหล็กตั้งอยู่บนคอนสายไฟฟ้าหรือไม้กางเขน หรือเป็นการเดินสายแขวนบนสายสะพาน (Messenger) สำหรับระบบแรงดัน 69 กิโลโวลต์ จะเป็นลูกถ้วยแบบแขวนเป็นพวงจำนวนลูกถ้วยพวงละ 4 ลูก แรงดัน 115 กิโลโวลต์จะมีลูกถ้วย พวงละ 7 ลูก สำหรับแรงดัน 230 กิโลโวลต์จะมีโครงสร้างที่แตกต่างออกไปเช่นเป็นเสาโครงเหล็กหรือเสาเหล็ก ขนาดใหญ่
ระดับความสูงของสายไฟฟ้าที่แรงดันต่างๆ
เมื่อทราบ ระยะห่างที่ปลอดภัยในการก่อสร้างแล้วต้องรักษาระยะห่างไม่ให้ใกล้กว่าที่ กำหนดไว้ในมาตรฐานปัญหาที่อาจพบคือเราจะทราบความสูงของสายไฟฟ้าที่ระดับแรง ดันต่างๆได้อย่งไร ระดับความสูงโดยประมาณของสายไฟฟ้าเหนือพื้นดินหรือพื้นทางเท้ามีมาตรฐาน กำหนดไว้ ความสูงที่กำหนดนี้เป็นความสูงที่จุดติดตั้งเสาไฟฟ้าที่ช่วงกลางระหว่างเสา ความสูงจะลดลงเนื่องจากความหย่อนของสายความสูงตามมาตรฐาน(ความสูงนี้อาจ เปลี่ยนแปลงได้เนื่องจากมีการปรับปรุงผิวจราจร) ความสูงของสายไฟฟ้ามีการติดตั้งหลายระดับ จะวัดถึงสายเส้นต่ำสุด) ระดับความสูงของสายไฟฟ้ากับพื้นดินที่แรงดันต่างๆ ดังนี้
แรงดันไฟฟ้า (กิโลโวล์ต) |
ระยะห่าง (เมตร) |
12 และ 24 |
10.5 |
69 (ชนิดคอนสาย2ชั้น) |
14.3 |
69 (ชนิดคอนสาย3ชั้น) |
13.1 |
115 |
12.00 |
230 |
22.6 |
สายไฟฟ้าใต้ดิน
ปัจจุบันการไฟฟ้ามีการก่อสร้างสายไฟฟ้าใต้ดินเป็นจำนวนมาก การก่อสร้างมีทั้งระบบไฟฟ้าแรงต่ำและไฟฟ้าแรงสูง ในการก่อสร้างมักประสบอุบัติเหตุจากการขุดเจาะ หรือตอกเสาเข็ม ถูกสายไฟฟ้าที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งเป็นอันตรายต่อบุคคลและทรัพย์สินเสียหาย เนื่องจากในการก่อสร้างไม่สามารถเห็นสายไฟฟ้าก่อนได้ในการปฎิบัติงานจึง ต้องใช้การสังเกตและสอบถามข้อมูลจากการไฟฟ้าเป็นหลัก
การสังเกตเบื้องต้นที่พอจะสัณนิษฐานได้ว่า อาจมีสายใต้ดินอยู่ในแนวที่จะทำการขุดเจาะคือมีสายไฟฟ้าโผล่ขึ้นมาจากใต้ดิน หรือมีแนวบ่อพักสายใต้ดินอยู่ซึ่งจะสังเกตได้จากที่มีผาบ่อเป็นเหล็กหล่อ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณเกือบ 1 เมตร อยู่บนผิวจราจรหรือทางเท้าและจะมีตัวอักษรเป็นภาษาอังกฤษว่า M.E.A. พิมพ์อยู่บนฝาเหล็ก
Via : http://www.oknation.net/blog/print.php?id=332961
Credit : คัดมาจาก : อิเล็กทรอนิกส์แฮนด์บุ๊ค ฉบับที่ 95 กรกฎาคม
http://www.thai-interelectric.com